ประสพการณ์การธุดงค์ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอนที่ 12

เขียนโดย 

 

เรื่องนี้ยาวมีหลายตอนแต่มีสาระประโยชน์มากมาย ตั้งแต่เบื้องต้นของการเจริญพระกรรมฐานจนถึงพระนิพพาน

ถ้าลูกของฉันมีอันตรายเมื่อไร พวกเธอมีโทษหนักและอีก 2 องค์นี่ ก็เหมือนกัน ในฐานที่ท่านเป็นเพื่อนกันเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่พระอริยเจ้า ยังเป็นปุถุชน ก็ถือว่า เป็นบุคคลผู้หวังทำลายกิเลสให้เป็นสมุจเฉทปหาน ถึงแม่ว่ายังมีความดีไม่ครบถ้วนแต่ความดีก็ยังอยู่ทุกวัน เพิ่มพูนทุกวัน ต้องรักษาไว้อย่าให้มีอันตราย ต้องรักษาเช่นเดียวกับลูกชายของฉัน ท่านกล่าวแล้วท่านก็ไป เมื่อไปแล้วพวกเราก็มานั่งอยู่ มันก็มีความสุข คิดว่าที่ตรงนี้นะ เราอยู่กันมาเกือบ 10 วัน อยากจะย้าย ก็คิดว่าจะย้ายไปทางไหนดี

กำลังนั่งคุยกัน หารือว่าควรจะย้ายที่ ก็ปรากฎว่า เป็นเวลาพอดีมีชายแก่คนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปี ท่านนุ่งกางเกงขาสั้นไม่มีเสื้อ มีผ้าขาวม้าห้อยไหล่มาด้วย และก็มีมีดเหน็บเหน็บมาข้างหลังแบบคนป่า เดินตรงเข้ามาแล้วก็มานั่งยกมือไหว้ท่านถามว่า ท่านจะย้ายที่หรือขอรับ ทุกคนเมื่อฟังก็แปลกใจต่างคนต่างมองหน้ากันว่า เราปรึกษาหารือกันแบบนี้ท่านได้ยินได้อย่างไร

จึงถามว่า คุณลุงทราบหรือว่า อาจมาจะย้ายที่ ท่านบอกว่าเป็นธรรมดาของลีลาของคน ผมไม่ใช่หมอดู และก็ไม่ใช่ผู้วิเศษแต่เห็นว่าท่านพักกันอยู่ที่นี้ ลองนั่งชุมนุมกันแบบนี้ ก็แสดงว่าจะปรึกษาหารือกันว่า อาจจะย้ายที่ก็ได้ เพราะตรงนี้เป็นป่าต่ำไปไม่ค่อยจะสวยนัก ป่าของศรีประจันต์นี่ เดินจากผักไห่มาประมาณ2 วันถึงที่นี่ จะเดินจากที่นี่ไปที่อำเภอศรีประจันต์ใช้เวลาเดินธรรมดา ๆ ก็ 2 วัน เพราะต้องลัดเลาะ ลัดไปในที่ต่าง ๆ แต่ว่าถ้ารู้ทางลัด ก็เดินประเดี๋ยวเดียวก็ถึง ก็ถามว่า คุณลุงเดินบ่อยหรือ ท่านบอกว่า ท่านเป็นคนที่นี่ ท่านเกิดในป่าบ้านท่านอยู่ไกลจากที่นี่ ไปทางด้านของอำเภอผักไห่ไม่มากนัก ก็เดินที่นี่อยู่เสมอ การไปศรีประจันต์ ท่านไปเกือบทุกวัน รู้ทางลัด ไปประเดี๋ยวเดียวก็ถึง

เลยถามท่าน บอกว่า ถ้าอย่างนั้น จะย้ายจากที่นี่ไปศรีประจันต์เลยหรือว่าจะอยู่ป่าแถวนี้ก่อน ท่านบอกว่าป่าแถวนี้ มันก็อย่างนั้นแหละ แต่ว่าไปถึงอำเภอศรีประจันต์ข้ามฟากไปด้านตะวันตก ที่นั่นจะมีที่สำคัญ เป็นที่ควรระลึกแห่งหนึ่งนั่นคือ ดอนเจดีย์ เป็นที่พระนเรศวร สร้างฝังเครื่องแต่งตัว อาวุธ ของพระมหาอุปราช เป็นการตัดไม้ข่มนาม ก็เลยชักสงสัย ถามว่าคุณลุงรู้เรื่องราวนี้หรือ ท่านบอกว่า รู้เพราะอายุท่าน 60 ปีกว่าแล้ว รัชกาลที่ 6 ก็เพิ่งสวรรคตไปถอยหลังจากนี้ไปแค่ 10 ปีเศษ ๆ ตัวท่านเองเกิดทันสมัยรัชกาลที่ 4 เราก็ไม่เถียง เถียงไม่ได้ เพราะอะไร เพราะว่ามันไม่รู้จริง คิดว่าท่านคงจะรู้เรื่อง เลยถามความเป็นมาว่า สมัยที่รัชกาลที่ 6ท่านมาทำพิธีกรรมที่ดอนเจดีย์ ท่านทำแบบไหน ท่านก็บอกว่าเวลานั้นท่านก็ยังหนุ่มแน่นกว่านี้ ประมาณสัก 20 ปีละมั้ง ท่านว่าอย่างนั้น ถอยหลังไปประมาณอายุ 40 ปีเศษ ๆ ท่านก็มาร่วมงานด้วยในการร่วมงานเวลานั้น

รัชกาลที่ 6 ก็ใช้พราหมณ์บวงสรวงเชิญเทพเจ้า ก็ถามท่านว่าพราหมณ์บวงสรวงเชิญเทพเจ้า เทพเจ้ามาไหม ท่านก็บอกว่าผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเทพเจ้าของพราหมณ์มาหรือไม่มาผมไม่รู้ แต่ว่า ตอนนั้นก็มีพระอยู่หลายองค์ด้วยกัน พระที่มีความสำคัญมาก มีพระองค์หนึ่งเป็นพระอรหันต์ เป็นพระที่อยู่ใกล้ๆ วัดป่าเลไลย์ ถามว่าอยู่ใกล้หรือเป็นพระวัดป่าเลไลย์จริง ๆท่านบอก ไม่ใช่พระวัดป่าเลไลย์ เป็นพระที่อยู่ใกล้ ๆ วัดป่าเลไลย์เวลานั้นตั้งสำนักอยู่ที่ วัดประชุมสงฆ์ มีกุฏิเพียง 3 หลัง และก็ไม่มีการเจริญรุ่งเรือง ท่านแก่มากแล้ว ต้องตะบันหมากกิน แต่เขาลือกันว่าพระองค์นี้เป็นพระอรหันต์ ชาวบ้านเขาลือกัน ก็ถามว่า ลุงเชื่อไหมครับ บอก ผมก็เชื่อสิ ผมเป็นคนนับถือพระนี่

เวลานั้นท่านก็นิมนต์พระองค์นี้มาด้วย และก็มีพระมาอีกหลายองค์ มากองค์ด้วยกัน ในจำนวนพระที่มาทั้งหมดปรากฏว่า เป็นพระอรหันต์เสีย 6 องค์ นอกจากนั้นก็เป็นพระผู้ทรงฌาน แต่ว่าพระทั้งหมดเท่าที่สังเกตมา จะฟังพระองค์แก่องค์เดียว ถ้าพระแก่พูดอย่างไร พระทั้งหมดจะฟัง และปฏิบัติตามทั้งหมด ก็แสดงว่า พระองค์แก่ที่สุดคือพระตะบันหมากกิน ข้างวัดป่าเลไลย์ (วัดประชุมสงฆ์) ก็ต้องเป็นพระอรหันต์

ที่มา...ศูนย์พุทธศรัทธา
https://www.facebook.com/BuddhaSattha.Saraburi?fref=photo

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ วัน, วันที่ เดือน ปี ชม:นาที

ไอเท็มที่เกี่ยวข้องอื่นๆ (จาก Tag)