พลับพลาที่ประทับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัว ๔๐ ปี แห่งประวัติศาสตร์

เขียนโดย 


วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๑๘ ประมาณ ๔๐ ปีที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ได้เสด็จมามอบธงให้กับลูกเสือชาวบ้านในเขตอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เสด็จมาประทับ ณ พลับพลา ที่สร้างขึ้นชั่วคราว ณ บริเวณเหนือเขื่อนกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี

เพื่อทรงงานการบริหารจัดการน้ำแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งซ้ำซาก ให้กับพื้นที่อำเภอสามชุก ดอนเจดีย์ อู่ทอง สองพี่น้อง และบางปลาม้า ตลอดจนเขตติดต่อของอำเภอกำแพงแสน บางเลน นครชัยศรี และสามพราน ของจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้พสกนิกรของพระองค์ยากจน ทุกข์ยากทำการเกษตรไม่ได้ผลผลิต วันนั้นพระองค์ได้ทรงงานการแก้ปัญหาความยากจนของพสกนิกรจากภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม ตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงจนถึงหกโมงเย็นของวันดังกล่าว ช่วงระยะเวลาสามชั่วโมงเต็มแห่งประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าดังกล่าวนั้น นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวไทยยิ่งนัก

๔๐ ปีที่แล้ว พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลาดเอียงเก็บกักน้ำไม่อยู่ ช่วงฤดูฝนน้ำท่วมสูงไหลหลากอย่างรวดเร็ว ช่วงฤดูแล้งก็แห้งแล้งขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคทำการเกษตรไม่ได้ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวทุกข์ยาก ยากจน เพราะขาดการบริหารจัดการน้ำที่ดีมีประสิทธิภาพ แต่ด้วยพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่ทรงรอบรู้ภูมิประเทศไทยทุกตารางนิ้ว พระองค์ทรงมีพระราชดำริการแก้ไขปัญหาความยากจนของพสกนิกรกับปัญหาพื้นที่ภัย แล้ง ภัยน้ำท่วมซ้ำซาก ในเขตพื้นที่ดังกล่าว ทรงมีพระราชดำริแนวทางการบริหารจัดการน้ำ โดยการสร้างเขื่อนคันดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เพื่อควบคุมการระบายน้ำให้เป็นระบบในช่วงฤดูฝนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง ในพื้นที่ดังกล่าว ทรงให้ปล่อยพันธุ์ปลาเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ให้กับพสกนิกร ทรงชี้แนวทางในอนาคตกับสถานที่กักเก็บน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง ธรรมชาติที่มีประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าแก่พสกนิกรปวงชนชาวไทย

จากแนวพระราชดำริดังกล่าว ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ได้น้อมรับพระราชดำริการสร้างเขื่อนกระเสียวซึ่งถือเป็นเขื่อนคันดินที่ยาว ที่สุดในประเทศไทย และสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2523 เป็นพื้นที่แก้มลิงเก็บกักน้ำใช้ได้ 28,750 ไร่ กักเก็บน้ำได้สูงถึง 240 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนของพสกนิกรได้อย่างสมบูรณ์แบบส่งผลให้พสกนิกรของ พระองค์โดยเฉพาะชาวอำเภอด่านช้างและพื้นที่ใกล้เคียงดังกล่าวข้างต้นอยู่ เย็นเป็นสุขภายใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ตราบเท่าทุกวันนี้

ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หน่วยงานภาครัฐ/เอกชน ชาวอำเภอด่านช้าง และจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันบริจาคทรัพย์สมทบทุนสร้างพลับพลาที่ประทับของพระองค์ ในบริเวณประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าดังกล่าว เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อ พสกนิกรชาวไทย คาดว่าการก่อสร้างพลับพลาที่ประทับดังกล่าวจะแล้วเสร็จในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 นี้ นับเป็นพลับพลาที่ประทับอันทรงคุณค่าและเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพ ปัจจุบันจัดเป็นจุดถ่ายภาพ รับ - ส่ง ตะวันที่งดงามที่สุดของเขื่อนคันดินแห่งนี้ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าควรแก่การจดจำ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย

ขอบคุณภาพ..http://www.taklong.com

 

 

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ วัน, วันที่ เดือน ปี ชม:นาที