เอกลักษณ์ของวัดที่ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนก็คือ ภาพเรืองแสงของประติมากรรมต้นกัลปพฤกษ์ที่ติดอยู่ผนังหลังโบสถ์ ซึ่งจะปรากฎสีเขียวเรืองแสงเมื่อยามค่ำคืนเท่านั้น วัดสิรินธรวรารามภูพร้าวยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกดิน และเฝ้ามองดูดวงดาวสุดงดงาม ซึ่งหากโชคดีอาจได้พบฝูงช้างเผือกเชือกใหญ่เปล่งประกายบนท้องฟ้า ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น
นักท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นไปชมวัดแห่งนี้จะพากันรอจนถึงพระอาทิตย์ตกดินเพื่อชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์และขอพรจากต้นกัลปพฤกษ์ นอกจากนี้ทางวัดกำลังจะสร้างสระอโนดาตบริเวณด้านทิสตะวันตกขอพระอุโบสถ นอกจากความมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวในช่วงพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามมากจะเป็นพระอาทิตย์ตกบริเวณเขื่อนสิริธร และบริเวณด้านหลังพระอุโบสถเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวและมองเห็นด่านสากลช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำที่อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาป
ตัววัดอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีราว 70 กม. หากเดินทางจากจุดเริ่มต้นที่ตัวจังหวัด ให้ตรงไปยังเส้นทางไป อ.พิบูลมังสาหาร เมื่อถึง อ.พิบูลมังสาหารแล้วจะมีสามแยกไฟแดง ให้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.สิรินธร ขับตรงไปยังเส้นนั้นซึ่งสามารถไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างพัทยาน้อย ทะเลน้ำจืดคนอุบล หรือเขื่อนสิรินธร ซึ่งอยู่ระหว่างทางได้ วัดจะอยู่ก่อนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก ราว 3 กม. ทางซ้ายมือ จะมีป้ายบอกทางเข้าวัดที่ถนนใหญ่เลย โดยเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกราว 2 กม.เราสามารถเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมที่วัดได้ทุกวัน เวลาที่แนะนำสำหรับการเข้าชมเพื่อดูแสงสะท้อนคือช่วงหลัง 6 โมงเย็น โดยปกติพระที่วัดจะทำกิจกรรมสวดมนต์เย็นช่วง 19.00 น.
ภาพโดย..เครดิตตามภาพ