แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่ชอบมาเที่ยวทะเลในช่วงเวลานี้เช่นกัน พากันขนอาหารชั้นดี ที่ไม่ต้องออกแรงไล่ล่ามาตั้งโต๊ะจีนป้อนให้ถึงปาก ใครเล่าจะไม่สน? ปลาโชคดีเหล่านั้นจึงพากันบริโภคอาหารเมนูพิเศษที่คนใจดี (?) เอามาป้อนให้ แล้วก็เมินอาหารเดิมๆ ที่พวกมันเคยกินตามหน้าที่...
จะเกิดอะไรขึ้นต่อมา...บรรดาสาหร่ายก็เริงร่าสะพรั่งไปทั้งแนวปะการังสิครับ เพราะไม่มีใครมาคอยไล่กิน ลูกหลานบรรดาของสัตว์เจาะใช สัตว์ที่กินปะการัง ก็รอดตายมากขึ้นเพราะไม่มีใครคอยล่า..รอวันเติบโตเพื่อออกอาละวาด เจาะใช กัดกินปะการังต่อไป...ผู้โชคร้ายที่คาดไม่ถึง..ความซวยมาเยือนแบบไม่รู้ตัว คือบรรดาปะการังทั้งหลาย ที่เมื่อผู้พิทักษ์ทั้งหลายเปลี่ยนใจไปกินอาหารเหลาเสียแล้ว ใครจะมาเป็นผู้เคลียร์เส้นทางชีวิตให้ พื้นที่จะใช้ลงเกาะเพื่อเติบโต ก็ถูกสาหร่ายปกคลุมไปหมดแล้ว แถมศัตรูก็ดันมีอัตรารอดเพิ่มขึ้นอีก อย่างนี้มีแต่รอวันทรุดอย่างเดียว
นอกจากนี้พอบรรดาปลาขาใหญ่ที่มีแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ขึ้น ก็รวมตัวตั้งแก๊งค์เป็นฝูงใหญ่ ไล่บรรดาปลาอื่นๆออกจากบริเวณที่ให้อาหาร ทำให้ความหลากหลายของชนิดปลาก็ลดลง เมื่อชนิดลดลง ความหลากหลายของพฤติกรรมการกินอาหารก็ลดลง จนเหลือแต่ปลาที่กินขนมปัง ใครจะมาคอยทำหน้าที่จัดการทำความสะอาดพื้นที่ ควบคุมคู่แข่งให้ปะการัง...และเมื่อรวมกลุ่มตั้งแกงค์เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นก็มีความก้าวร้าวมากขึ้น มีการกัดสั่งสอนผู้ให้อาหารที่ให้ไม่ทันใจอีกด้วย ...
ถ้าใครมาถามว่าทำไมถึงไม่ให้อาหารปลา ถามกลับไปเลยว่า เคยสูบบุหรี่หรือไม่? ถ้าไม่เคยก็อย่าสูบ...การให้อาหารปลาก็เหมือนการสูบบุหรี่นั่นแหละ ตอนสูบรู้สึกมีความสุขดี แต่ในระยะยาวแล้วเป็นบ่อเกิดแห่งสารพัดโรค ทั้งมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง มะเร็งกล่องเสียง หมดสมรรถภาพทางเพศฯลฯ ส่วนการให้อาหารปลาก็เหมือนกัน เราสนุกมีความสุขกับการให้อาหารปลา เราไม่เห็นว่าปะการังมันจะพังโครมลงในวันสองวันหรอก แต่ในระยะยาวแล้วจะมีสารพัดโรคสารพัดภัยที่จะตามมาในที่สุดซึ่งมันไม่ได้เกิดกับท่าน แต่มันจะเกิดกับแนวปะการังที่ท่านว่าสวยงาม และรักนักรักหนา...!
ขอบคุณข้อมูลจาก..Jirapong Jeewarongkakul
ขอบคุณภาพจาก...Bloggang