องุ่นมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

เขียนโดย 

 

องุ่น มีด้วยกันหลายชนิดมีหลัก ๆ อยู่ทั้งหมด 3 สี เท่าที่คุณ ๆ รู้จักกัน คือองุ่นเขียว องุ่นแดง และองุ่นดำ แต่ละชนิดก็ให้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป แต่ก็ให้ประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ด้านด้วยกันมาดูกันว่าองุ่นแต่ละสีมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง

- องุ่นเขียว องุ่นเขียวอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ เช่น คาเทชิน และเทอโรสติลบีน องุ่นเขียวจึงช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านมโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคของระบบประสาท โรคอัลไซเมอร์ และ ลิวคีเมียตลอดจนป้องกันการติดเชื้อราและเชื้อไวรัสต่างๆ

- องุ่นแดง องุ่นแดงมีสารอาหารสำคัญ คือ เรสเวอราทรอล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และช่วยชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีสารซาโพนิน ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านแบคทีเรียไวรัส ป้องกันเนื้องอก ลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลต่อการป้องกันโรคหัวใจเช่นกัน

- องุ่นดำ สถาบัน การแพทย์ Mayo Clinic แนะนำว่าถ้าต้องการลดน้ำหนัก ให้กินองุ่นดำวันละ 1 ครั้ง อาจกินเป็นของเล่นหรือใส่ในสลัดก็ได้ เพราะจากการศึกษาพบว่า องุ่นดำอุดมด้วยไฟเบอร์ ทำให้รู้สึกอิ่มและให้แคลลอรีต่ำ ทำให้การทำงานของลำไส้เป็นไปตามปกติ สารแอนติออกซิแดนต์ในองุ่นดำยังช่วยในการขับท็อกซินออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้กระบวนการลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น

องุ่นดำ มี ถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียไมเนอร์ ซึ่งมักมีองุ่นดำขึ้นในป่า ปัจจุบันมีการปลูกแพร่หลายไปทั่วโลก โดยดั้งเดิมอยู่ที่เฮมิสเฟียร์ตอนเหนือ ซึ่งมีสภาพอากาศที่เหมาะในการปลูก เป็นเวลากว่าพันปีที่น้ำองุ่นดำเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดื่มไวน์ในโลกใบ นี้

ผลไม้ชนิดนี้ มีประโยชน์ในการช่วยการทำงานของหัวใจ และหลอดเลือดหัวใจให้ดีขึ้น แม้ว่าจะมีการใช้ เพื่อเป็นอาหารมาหลายศตวรรษก็ตาม
จาก การวิจัยล่าสุด ได้ระบุถึงประโยชน์ขององุ่นดำ ที่สัมพันธ์โดยตรงกับการดื่มน้ำองุ่นดำแล้ว ช่วยเพิ่มระดับสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในเลือด และลดอนุมูลอิสระ

ผลไม้นี้อุดมด้วยเฟวานอยด์ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกัน 2 ข้อ คือ

มีลักษณะเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยในการต่อต้านความเครียดมีผลโดยตรงต่อการทำงานทางชีววิทยา เช่น การเพิ่มการสร้างเกล็ดเลือดและเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์เพื่อการปกป้องเส้น เลือดแดง

ประโยชน์ที่มีก็ควรรู้จักรับประทานด้วยเพราะถ้าคุณรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะได้รับน้ำตาลแถมไปด้วย

ที่มา..http://www.สุขภาพไทย.com

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ วัน, วันที่ เดือน ปี ชม:นาที