ไม่ออกกำลังกาย-เก็บตัว เสี่ยงเซลล์สมองเสื่อม

เขียนโดย 

 

ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุที่พบมากคือ โรคอัลไซเมอร์ (50-75%) สมองเสื่อมคือ เป็นกลุ่มอาการซึ่งเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของสมองหลายๆ ด้านพร้อมกันแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่เกิดขึ้นอย่างถาวร ส่งผลให้มีการเสื่อมของระบบ ความจำ, เข้าใจ, พิจารณา, วิเคราะห์, การควบคุมตนเองเสื่อมถอยลง อันเนื่องมาจากสมองถูกทำลาย จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันและความสามารถอยู่ร่วมในสังคม อัตราการเกิดโรค

จากข้อมูลสถิติระบาดวิทยาของดับเบิ้ลยูเอชโอ พบว่าอุบัติการณ์ และความชุกของโรคอัลไซเมอร์มากขึ้นตามอายุพบว่า 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุ 85 ปี เป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุ95 ปี อัตราการเกิดโรคมากถึงครึ่งหนึ่ง ประเทศแถบตะวันตกเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา  อัตราการเกิดโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุ 75 ปีขึ้นไปในปัจจุบันคิดเป็น 20% อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป ในประเทศสหรัฐคิดเป็น 10% ในประเทศจีนคิดเป็น 4.2% และในประเทศไทยคิดเป็น 3.4%

ไม่ว่าใครก็สามารถป่วยได้ อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ"โรนัลด์ เรแกน" และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร"มาร์กาเรต ฮิลดา แทตเชอร์" ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ทั้งสิ้นความสามารถในการจำลดลง เป็นอาการแสดงเบื้องต้นที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคอัลไซเมอร์ สาเหตุของโรคไม่ชัดเจน

โรคอัลไซเมอร์ คือ โรคชนิดหนึ่งของระบบประสาทที่ถดถอยมีการดำเนินโรคอย่างต่อเนื่อง อาการเบื้องต้นไม่ชัดเจนปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด พบว่าในช่วงวัยรุ่นหากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม ก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้  แต่ไม่นานมานี้มีการวิจัยพบว่า พยาธิสภาพอยู่ที่ยีนบนโครโมโซมคู่ที่ 21 ที่สร้าง amyloid ในสมอง แสดงให้เห็นว่า อาการสมองเสื่อมค่อนข้างมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม

อาการแสดง
อาการเบื้องต้นไม่เด่นชัด  ความจำบกพร่อง  ความสามารถในการดำรงชีวิตประจำวันลดลง ไม่รู้จักคู่ครอง การสวมเสื้อผ้า การรับประทานอาหารแม้กระทั่งการขับถ่ายปัสสาวะอุจจาระก็ไม่สามารถควบคุมเอง ได้ นำมาซึ่งความลำบากและปัญหาแก่ตนเอง และคนรอบตัวอย่างไม่สิ้นสุด เฉลี่ยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์สามารถดำรงชีวิตต่อได้คิดเป็น 5.5 ปี
 
การป้องกันเป็นหลัก
โรคอัลไซเมอร์ คือ โรคที่ทำได้ "เพียงป้องกัน ไม่สามารถรักษาได้" ดังนั้นการป้องกันแต่แรกเริ่มเป็นเพียงวิธีการหนึ่งในการต่อต้าน
 
ใครที่ง่ายต่อการเป็นโรคนี้มากที่สุด
ใครบ้างที่มีสิทธิเป็นโรคนี้มากที่สุด?  จากสถิติในปัจจุบัน ผู้ป่วยมักจัดอยู่ในกลุ่มข้อดังต่อไปนี้ : สูงอายุ  เพศหญิงเป็นม่าย รายได้ต่ำ การศึกษาไม่สูง
 
นักวิทยาศาสตร์เห็นว่า การถ่ายทอดทางพันธุกรรม  การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และความดันโลหิตสูง เป็นต้น ล้วนแต่เป็นปัจจัยให้เกิดโรค แต่ปัจจัยคุกคามที่สุดคือ ความชราภาพ !
ปัจจัยเสี่ยงของโรคอัลไซเมอร์

1. การได้รับอะลูมิเนียมในปริมาณมาก  ผู้ป่วยจะมีปริมาณอะลูมิเนียมในสมองใหญ่ (ซีรีบรัม) มากกว่าคนแข็งแรงทั่วไปหลายเท่าถึงสิบเท่า จึงเห็นได้ว่า ในสมองใหญ่ที่มีการสะสมอะลูมิเนียมปริมาณมากจะทำลายเซลล์ประสาทได้ง่ายและ ส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

2. หลอดเลือดแดงสมองแข็ง  เนื่องจากหลอดเลือดแดงแข็งก่อให้เกิดหลอดเลือดแดงขนาดเล็กอุดตันทำให้เลือด ไปหล่อเลี้ยงสมองไม่พอ ส่งผลให้สมองฝ่อตัว ความสามารถทุกด้านถดถอยลงเกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์

3. ระบบการเผาผลาญเสียสมดุล  เช่น โรคเบาหวาน !การเผาผลาญไขมันไม่ดีทำให้เกิดไขมันในเลือดสูง เป็นสาเหตุโรคหลอดเลือด สมองใหญ่มีเลือดไม่พอ ทำให้สมองฝ่อ กลายเป็นโรคอัลไซเมอร์

4. สมองใหญ่ได้รับความเสียหาย งานวิจัยของประเทศอังกฤษพบว่าหากบริเวณศีรษะได้รับความเสียหายอาจทำให้สมองสร้างก้อนโปรตีนที่ผิดปกติได้ ซึ่งในผู้ป่วยสมองเสื่อมจะพบการสะสมของสารที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ ชักนำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์

5. การทานอาหารอิ่มเกิน นักวิชาการชาวญี่ปุ่นเห็นว่าหลังทานหารอิ่มเกิน สารในสมองใหญ่ที่เรียกว่า "Fibroblast growth factor" (เซลล์อ่อนที่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่) จะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เซลล์บุผนังหลอดเลือดฝอยและไขมันเพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็งตัว ก่อให้เกิดสติปัญญาและสมองใหญ่เสื่อมถอยก่อนวัย

6. การติดเชื้อไวรัส นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันวิจัยพบว่า เชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ คือ เชื้อไวรัสเรื้อรังที่มีขนาดเล็กกว่าเชื้อไวรัสทั่วไป 100 เท่า

7. การสูบบุหรี่ นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ทำการวิจัยที่ได้รับการรับรองว่า ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานานทำให้โครงสร้างสมองมีการฝ่อลงในระดับที่ต่างกัน ง่ายต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ทั้งนี้ผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะมีอัตราการเกิดภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นอย่าง ชัดเจน โดยมีการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 157% และเป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหลอดเลือดแดงเพิ่มขึ้น 172%

ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์