ทำดี...เพียงแค่ลงมือทำ

เขียนโดย 


รอแล้วรออีกที่จะทำความดีสักครั้งในชีวิต..เราเคยรู้สึกแบบนี้ไหม และเคยไหมที่ไม่ได้ทำเสียทีจนเวลาล่วงเลยเกินกว่าที่จะมีกำลัง แม้ว่าในแต่ละวันจะมีโอกาสให้ทำตั้งมากมาย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ทำ

หนักไปกว่านั้น บางคนยังสามารถทำดีได้ในขณะที่ภารกิจประจำวันกำลังดำเนินไปด้วยซ้ำ แต่ก็มองไม่เห็นว่าจะทำอะไร เริ่มต้นตรงไหน และอย่างไรเมื่อเห็นคนกำลังทำความดีเพื่อคนอื่นหรือสังคม เรามักให้ความชื่นชมและหลายคนมองย้อนกลับมาเฝ้าถามตนเองว่าได้ทำเพื่อคนอื่นบ้างหรือยัง แต่เมื่อผ่านไปการลงมือทำก็ไม่เกิดขึ้น บางครั้งมันเลือนหายไป จนเมื่อได้เห็นคนอื่นทำดีในครั้งใหม่ ก็จะรู้สึกซ้ำเดิมวนเวียน โดยไม่ได้มีของตนเองขึ้นมาเสียที มีหลายตัวอย่างที่เราได้พบเห็น รับรู้ หรือติดตาม ถึงการทำความดีต่อสังคม โดยไม่หวังผลตอบแทน

สิ่งที่คนเหล่านั้นได้ทำอย่างต่อเนื่องเหมือนๆกันคือการทำในดีในสิ่งที่คิด ซึ่งเป็นความคิดที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์ของคนอื่นและส่วนรวม อีกทั้งความเหมือนของการกระทำเหล่านี้อยู่ตรงที่การ "ได้ลงมือทำ" ในทันทีที่มีโอกาสโดยไม่รั้งรอเวลา ถ้าหากวันนี้ผมไม่ลงมือทำ เด็กคนนั้นจะเป็นอย่างไรในวันนี้ในวันเดินทางท่ามกลางการจราจรติดขัดของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ต้องรีบเข้าประชุมในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผมตัดสินใจเพียงแค่ไม่กี่วินาทีนำน้อง “แจง” เด็กเร่ร่อนแถวคลองหลอด หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ เขตพระนคร ขึ้นรถนำส่งคลินิกที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ที่กำลังนอนเป็นลมแน่นิ่งขณะที่ผู้คนล้อมรอบมุงดูด้วยความห่วงใย แต่ไม่มีแม้คนใดอุ้มน้อง ด้วยเพราะร่างกายที่สกปรกมอมแมม ผมจอดรถและถามหาคนรู้จักน้องแต่ไม่มีใครบอกได้ว่าน้องเป็นใคร มาจากไหน จึงเปิดประตูรถด้านผู้โดยสารอุ้มน้องขึ้นนอนบนรถ พร้อมยื่นนามบัตรให้กับแผงลอยบริเวณนี่นเผื่อมีคนถามหาน้องรถจอดที่หน้าคลินิก ภายในศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร รปภ.เข้ามาช่วยอุ้มน้องเข้าไปให้คุณหมอและพยาบาลที่กำลังวุ่ยวายด้วยจำนวนคนรอคิวตรวจ แต่ทุกคนต่างยินดีให้ร่างเล็กๆหมดสติเข้าไปรักษา เมื่อถึงมือหมอ ผมให้รายละเอียดและให้เบอร์ติดต่อ ก่อนไปประชุม แต่เป็นการประชุมที่กังวลใจที่สุดตลอด 3 ชั่วโมง สมาธิยังเป็นห่วงว่าน้องจะปลอดภัยหรือยัง และเป็นห่วงเรื่องการรักษา

เนื่องจากน้องไม่มีหลักฐานติดตัวอะไรเลย มีเพียงนามบัตรของผมที่ติดตัวเท่านั้น เลิกประชุมผมรีบไปดูน้อง พบว่ากำลังนั่งกินขนม มีนมกล่องตั้งข้างๆ บนที่นั่งรอตรวจของคนไข้อยู่คนเดียว พี่พยาบาลบอกว่าน้องเป็นลมเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้อง และขาดน้ำ หากปล่อยไว้นานอาจเกิดอันตราย เมื่อดูแลให้น้ำเกลือแล้วจึงหาขนมและนมให้ พร้อมบอกว่าไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไร พอถามน้องบอกว่าชื่อ “แจง” ออกจากบ้านเพราะเพื่อนชวน แต่เพื่อนมีคนพาไป ตัวเองเลยเดินมาเรื่อยๆ โดยไม่มีเงินหรืออะไรติดตัวมา จำทางกลับบ้านไม่ได้ รู้แต่ชื่อแม่ ผมจึงประสานให้เทศกิจ กทม.ในศาลาว่าการฯ ช่วยตามหาและตรวจสอบการแจ้งเด็กหาย พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ติดตัวน้องแจงไว้ โดยฝากน้องไว้กับเคาท์เตอร์ รปภ.ใกล้กับคลินิกนั้นผมทำงานจนลืมเรื่องราวเมื่อเช้าไปหมดสิ้น ตกเย็นมีเสียงโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย พร้อมคำขอบคุณจากเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่พบเจอหน้าลูก จนกระตุกให้ความจำหวนไปคิดว่าถ้าเราไม่ช่วยน้องแจงวันนี้ ไม่รู้ว่าน้องจะเป็นอย่างไร..“หากวันนั้นผมเลือกที่จะเมินเฉย หรือผ่านเลยไม่หยุดรถลงไปช่วยน้องแจง ป่านนี้น้องจะเป็นอย่างไรก็ไม่สามารถคาดเดาได้

แต่วันนี้ผมมีความสุขใจที่ได้ช่วยเหลือ ถึงแม้เราจะเป็นเพียงแค่กำลังเล็กๆ แต่ผมก็ได้ชื่อว่าลงมือทำ” มุมมองการทำความดีไม่ได้เป็นรูปแบบหรือแบบแผนที่ตายตัว แล้วแต่ใครจะเห็นแง่มุมใด ซึ่งผมได้เข้าใจและมองเห็นว่าความดีที่เกิดขึ้นจากการกระทำนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นการทำดีอย่างรอบด้านหรือในทุกอย่างที่ทำ แค่ดึงเอาสิ่งที่ตนถนัดและทำได้มาขยายผลสู่สังคมส่วนรวมในด้านใดด้านหนึ่ง หรือแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งก็ถือว่าได้ลงมือทำ “การทำความดีต่อผู้อื่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน มากบ้างน้อยบ้าง แต่ขอให้ทำ ก่อนนอนให้ลองคิดทบทวนว่าวันนี้เราได้ทำประโยชน์ต่อสังคมอะไรบ้าง แค่สิ่งเล็กๆ ของการทำความดีก็เป็นความดีติดตัวเราได้ แต่ขอให้ทำ ทำวันละเล็กละน้อย อย่าคิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำ เพราะเราไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้เราจะได้ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกหรือเปล่า ดังนั้นทุกครั้งของการลงมือทำจึงสำคัญต่อชีวิตของเรา” ผมเชื่อมาเสมอว่า อย่าตั้งคำถามว่าทำแล้วได้อะไร ถ้าอยากจะช่วยใครสักคนอย่าลังเล ทุกหย่อมหญ้ามีคนพร้อมที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ทั้งนั้น ทุกคนมีคุณค่าเหมือนกันหมด

มีสิ่งดีๆ คิดดีๆ อยู่ในใจ แค่เอาความคิดดีๆ มารวมกัน ต่างคนต่างคิดดี ต่างคนต่างลงมือทำในสิ่งดีๆ ก็ทำให้เราถึงสังคมที่ดีได้....และทุกวันนี้ผมก็เลือกที่จะลงมือทำทันทีที่มีโอกาสการมองหาความด้อยโอกาสหรือความลำบากของคนอื่นในสังคมแล้วจึงคิดจะช่วยก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่หากมองไปอีกด้านหนึ่ง ผู้คนรอบกาย สังคมรอบข้าง สิ่งแวดล้อมรอบตัว ทั้งหมดทั้งมวลกำลังรอคอยการกระทำดีๆ ที่มาจากความคิดดีๆของเราเสมอ แม้เพียงรอยยิ้มที่มาจากข้างใน เปิดใจรับและเข้าใจสิ่งที่เป็น การมองคนอื่นในแง่ดี ไม่ตัดสินแต่ภายนอก และยินดีที่จะให้อภัยเมื่อเห็นความผิดเล็กน้อยหรือความผิดไม่เจตนา ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือกันและกันแล้ว เมื่อเริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยก็ค่อยๆ ขยับลงมือทำความดีไปยังสังคมรอบกาย สังคมรอบองค์กรที่เราทำ

พร้อมชักชวนคนรอบข้างมาร่วมกันทำความดี แม้สังคมจะยังไม่ได้ดีขึ้นในทันทีที่เราลงมือทำ แต่อย่างน้อยพลังส่วนนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น รวมหลายๆคน หลายๆการกระทำ ความเพิ่มพูนผลที่ดีจะกระจายและเติบโต ความงอกงามของสังคมแห่งความสงบสุขก็จะค่อยๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่เราต้องการ และเราคงไม่ต้องไปคาดหวังว่าคนอื่นจะลงมือทำอย่างเช่นที่เราได้ทำ เพียงแค่เราลงมือทำมันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว สังคมไม่ได้ต้องการความสมบูรณ์แบบในอุดมคติ แต่สังคมต้องการทิศทางที่นำไปสู่ความสมบูรณ์แบบนั้น เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเราสามารถสร้างสังคมที่นำไปสู่ความสมบูรณ์ได้ ...

แล้วจะลังเลที่จะลงมือทำดีทำไม ลงมือทำเลย อย่ารอ .. “อย่าตั้งคำถามว่าทำแล้วได้อะไร ถ้าอยากจะช่วยใครสักคนอย่าลังเล ทุกหย่อมหญ้ามีคนพร้อมที่จะเปลี่ยนโลกนี้ได้ทั้งนั้น ทุกคนมีคุณค่าเหมือนกันหมด มีสิ่งดีๆ คิดดีๆ อยู่ในใจ แค่เอาความคิดดีๆ มารวมกัน ต่างคนต่างคิดดี ต่างคนต่างลงมือทำในสิ่งดีๆ ก็ทำให้เราถึงสังคมที่ดีได้”

พลวิชญ์ ขยันงาน @iPhonnn