สัตว์น้ำในทะเล รวมถึงสิ่งมีชีวิต ต่างอยู่อาศัยอย่างเกื้อกูลกัน ภายใต้พื้นสมุทร มาเป็นเวลาช้านาน นับล้านล้านปี โดยไม่มีมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งในการแทรกแซงให้อาหารแต่พวกเขาเหล่านั้น ก็สามารถหาอาหาร และดำรงชีวิตอยู่ได้ตลอด ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา
แต่เมื่อมีการให้อาหารปลาเกิดขึ้นนั้น ปลาที่เคยหาอาหารกินเองและคอยทำความสะอาดปะการังก็จะเสียนิสัยและรอคอยอาหาร จากนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว ทำให้ระบบนิเวศ และสมดุลทางธรรมชาติ เกิดความเสื่อโทรมลง
1. แนวปะการังเป็นระบบนิเวศที่อ่อนไหว มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูงที่สุดในโลก เช่น ปลาในแนวปะการังมีนับพันชนิด ฯลฯ
2. ปลาเป็นสัตว์ที่มีบทบาทต่อระบบนิเวศ บางชนิดกินสาหร่าย ช่วยควบคุมให้ปริมาณสาหร่ายไม่มากเกินไป ช่วยทำให้แนวปะการังรักษาสมดุลอยู่ได้
3. ปลาในแนวปะการังเป็นสัตว์มีที่อยู่อาศัยชัดเจน ปลาจะมีปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยมีวิถีตามธรรมชาติเป็นสิ่งควบคุมจำนวนปลา
4. ปลาในแนวปะการังมีอยู่หลายกลุ่ม มีเฉพาะเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่กินอาหารไม่เลือก และสามารถกินอาหารที่มนุษย์ให้ได้ เช่น เราไม่เห็นปลาผีเสื้อหรือปลานกแก้วมากินขนมปัง
5. อาหารท่ีมนุษย์ให้ ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมในแนวปะการัง ทำให้ปลาบางกลุ่มได้เปรียบปลาบางกลุ่มเพราะมีอาหาร
6. ปลาที่กินอาหารมนุษย์ จะมารวมตัวกันและมีปริมาณเพิ่มขึ้นเพราะมีอาหารกินไม่จำกัด จากนั้นจะยึดพื้นที่ ขับไล่ปลาอื่นออกไป
7. ปลาที่ถูกขับไล่ออกไป ไม่มีที่อยู่ ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในบริเวณอื่นได้ จึงค่อยๆ มีปริมาณลดน้อยลงจนหมดไป สุดท้ายระบบระบบนิเวศน์บริเวณนั้นก็จะถูกทำลาย
และเมื่อเราดำน้ำก็จะไม่พบเห็นปลาเหล่านี้อีกเลย
8. เมื่อปลาส่วนใหญ่ที่คอยกินสาหร่ายหรือกินอาหารอื่นๆ ที่ควบคุมสมดุลในแนวปะการังหายไป เหลือแต่ปลากินขนมปัง ระบบนิเวศย่อมไม่เหมือนเดิม เช่น สาหร่ายเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ปลาที่กินอาหารหลากหลาย เดิมทีกินสาหร่ายบ้าง เมื่อมีอาหารจากมนุษย์ที่มีเยอะและหาง่ายกว่า ย่อมเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินอะไรง่ายๆ
ปลาส่วนมาก ที่มากินขนมปัง ในแหล่งท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เกาะต่างๆ ทางภาคใต้ จะเป็นปลาในตระกูลสลิดหิน ถึงจะเป็นปลาเล็ก แต่มีความดุร้าย ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่และหวงถิ่นที่อยู่ของตัวอย่างมากเพราะความที่มัน ตัวเล็ก มีสีสันสดใส ทำให้แลดูเป็นปลาที่น่ารัก มาหยอกล้อกับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นปลาที่อันตรายต่อปลาชนิดอื่น เจ้าสลิดหินไม่ว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหน ก็จะไล่ปลาอื่น ๆ ออกจากบริเวณนั้นปลาที่ควรจะอยู่ในระบบนิเวศน์ของที่นั้น แม้กระทั่งปลาที่มีขนาดใหญ่กว่ามันหลายเท่าตัวนัก ออกไปจากถิ่นทำกิน เนื่องจากปริมาณปลานักเลงฝูงนี้ มีขนาดใหญ่เหลือเกิน บางฝูงอาจจะเป็นร้อยๆตัวเลยทีเดียว ฉายาอีกอย่างหนึ่งของมัน จึงมีชื่อเรียกว่า ปลาหน้าด้าน มากันจำนวนมากมายมหาศาล ในที่สุดปลาขี้อายอย่าง ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ก็จะลดจำนวนลง เพราะต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น สุดท้ายระบบระบบนิเวศน์บริเวณนั้นก็จะถูกทำลาย และเมื่อเราดำน้ำก็จะไม่พบเห็นปลาเหล่านี้อีกเลย
นอกจากปลาสลิดหินจะเป็นศัตรูตัวร้ายของเหล่าปลาน้อยใหญ่แล้ว ปะการังเองก็มีศัตรูตัวฉกาจเป็นมนุษย์ที่หย่อนอาหารให้กับปลาเช่นกัน เพราะโดยธรรมชาติปลาสลิดหินจะกินไข่ของดาวมงกุฎหนาม เมื่อนักท่องเที่ยวให้อาหาร เจ้าปลาสลิดหินก็กินแต่อาหารนักเที่ยว ส่งผลให้ดาวมงกุฎหนามขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วและกัดกินปะรังรังเสียหายและสุด ท้ายระบบนิเวศน์หรือแนวปะการังแถบนั้นก็จะล่มสลายเหลือแต่เพียงปลาสลิดหิน จำนวนมากมารอรับอาหารจากนักท่องเที่ยวเท่านั้น