หากพูดถึง "ข้าว" หลายคนก็คงจะนึกถึงเมนูอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่ม ฯลฯ ที่ได้จากผลผลิตต่างๆ ของข้าว แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า "ข้าว" ที่เรารับประทานเป็นอาหารหลักในทุกวันนี้ สามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ได้อีกมากมาย
สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เล็งเห็นถึงความสำคัญของ "ข้าวไทย" ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นความมั่นคงด้านอาหาร และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้มหาศาลและอยู่คู่กับวิถีชีวิตคนไทยมาอย่าง ยาวนาน ทั้งการกินอยู่ และประเพณีวัฒนธรรม ดังนั้น จึงได้เร่งผลักดันการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม "ข้าวไทย" เพื่อยกระดับการปลูกข้าวของเกษตรกรไทยโดยอาศัยองค์ความรู้ทางด้านวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการสร้างความแตกต่างให้กับผลผลิตข้าวด้วยการใส่ "ความคิดสร้างสรรค์" บวกกับ "ภูมิปัญญา" ที่มีอยู่
ที่ผ่านมาได้สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมข้าวไทยตลอดทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านกลไกเงินอุดหนุนภายใต้โครงการ "แปลงเทคโนโลยีเป็นทุน" และ "นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย" จำนวนทั้งสิ้น 39 ผลงาน คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนรวม 34.39 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวม 340.25 ล้านบาท รวมถึงการจ้างงานใหม่ และการขยายโอกาสการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ข้าวในวงกว้าง โดยคาดว่าสามารถเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยจากการขายข้าวสารได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท ข้าวจะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 500,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ริเริ่มการจัดตั้ง "ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมข้าวไทย (RICE: Rice Innovation Center of Excellence)" เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงภาคการผลิต ภาควิชาการ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการตลาด และภาคการเงินและการลงทุน ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการงานนวัตกรรมข้าวไทยแบบครบวงจร
สำหรับตัวอย่างผลงานนวัตกรรมข้าวไทยไอเดียเจ๋งที่เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์อาหาร ได้แก่ "ฟองข้าวสุรดา" ฟองน้ำห้ามเลือดทางศัลยศาสตร์จากแป้งข้าวเจ้า โดย บริษัท บุณยนิตย์วัสดุแพทย์ จำกัด นวัตกรรมระดับโลกซึ่งใช้กับแผลผ่าตัดที่บริเวณอวัยวะอ่อนนุ่ม เช่น ตับ ปอด สมอง ลำไส้ มดลูก ทวารหนัก ที่มีการตกเลือดแบบความดันต่ำจากหลอดเลือดฝอยหรือหลอดเลือดดำ
"VOWDA" ลิปสติกอินทรีย์ โดย บริษัท โป๋วเอวี๋ยน จำกัด นวัตกรรมระดับประเทศที่ผลิตจากวัตถุดิบตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ และใช้ประโยชน์จากน้ำมันรำข้าวและไขรำข้าวซึ่งมีแกมมาออริซานอลสูง ทำให้มีคุณสมบัติช่วยลดรอยเหี่ยวย่นและความหมองคล้ำบริเวณริมฝีปาก ตลอดจนช่วยลดอันตรายที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังใช้สีที่สกัดได้จากธรรมชาติเป็นสารเพิ่มเฉดสีทดแทนสีสังเคราะห์ ที่มีโลหะหนักปนเปื้อน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค
ครีมเคลือบเงาอเนกประสงค์ สำหรับอุปกรณ์ภายในรถยนต์จากน้ำมันรำข้าวอินทรีย์ โดยบริษัท อู่ข้าว อู่น้ำ จำกัด นวัตกรรมระดับโลกที่ผลิตจากน้ำมันรำข้าวอินทรีย์ และสารเติมแต่งอินทรีย์ทดแทนการใช้ไขสังเคราะห์ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ รวมทั้งมุ่งเน้นการใช้สารแกมมาออริซานอล ซึ่งเป็นสารสำคัญในน้ำมันรำข้าว ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของ อุปกรณ์ภายในรถยนต์ โดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภทเบาะหนังและชิ้นส่วนบริเวณหน้าปัดรถ
"Columbus"...ครีมบำรุงผิวจากน้ำมันรำข้าว โดย บริษัท สยามเนเชอรัล โปรดักซ์ จำกัด นวัตกรรมระดับประเทศที่ใช้น้ำมันรำข้าวและเนยขาวจากน้ำมันรำข้าวมาเป็นส่วน ผสมสำคัญที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวทดแทนการใช้เชียบัตเตอร์ และโกโก้บัตเตอร์ ซึ่งมีราคาสูงและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื้อครีมมีลักษณะเนียน นุ่ม และอุดมไปด้วยสารสำคัญจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ อาทิ แกมมาออริซานอล ไฟโตสเตอรอล และวิตามินอี
"Oryze" แป้งพัฟจากแป้งข้าวเจ้า โดยบริษัท ไทยโปรดักส์ อินโนเวชั่น จำกัด นวัตกรรมระดับโลกที่นำแป้งข้าวเจ้ามาดัดแปรให้มีความละเอียดสูงทดแทนทัลคัม ให้ความรู้สึกลื่นเรียบเนียน ป้องกันความชื้น ดูดซับความมันได้ดี และมีปริมาณเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด แล้วนำไปใช้เป็นวัตถุดิบหลักร่วมกับสารสกัดธรรมชาติ พัฒนาสูตรเป็นผลิตภัณฑ์แป้งพัฟ ที่มีลักษณะเนื้อสัมผัสไม่แตกต่างจากแป้งพัฟที่ผลิตจากทัลคัม
นับเป็นอีกก้าวของความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทย เติบโตควบคู่ไปกับภาคเกษตรกรไทยที่ต้องได้รับการสนับสนุนและขับเคลื่อนจาก ภาครัฐในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และการวิจัย เข้าไปช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริม เพื่อให้ข้าวไทยซึ่งมีคุณภาพและคุณค่ามีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีไปทั่ว โลก ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนไทยมีไอเดีย และศักยภาพที่ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก หากแต่ยังขาดโอกาส และช่องทางในการขยายผลไอเดียเหล่านั้นให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่า ได้อย่างแท้จริง......แล้วคุณล่ะ คิดว่า "ข้าว" สามารถเป็นอะไรได้มากกว่าสิ่งที่เคยเห็น
...............................................................................................