‎หญิงตั้งครรภ์และเด็กไม่ควรกินชาเขียว‬

เขียนโดย 


เรามารู้จักชาเขียวที่มีกระแสความนิยมมาจากประเทศญี่ปุ่นกันก่อนค่ะ ในชาเขียวมี Polyphenol ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ว่ากันว่า ช่วยลดมะเร็ง ช่วยชะลอภาวะแก่ก่อนวัย ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ

สกัดกั้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เปลี่ยนแปลงความเครียดในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยก่อให้เกิดหลอดเลือดตีบ ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยลดระดับไขมันอิ่มตัว ซึ่งจะยับยั้งไม่ให้เกิดลิ่มเลือด และการก่อตัวของตะกอนไขมันที่ผนังเลือด ฟังดูคุณสมบัติดีเลิศน่ารับประทาน แต่ๆๆๆ ฟังให้จบก่อนค่ะ นั่นคือเรื่องที่เค้าว่ากัน แต่ทว่าปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่เชื่อถือได้สนับสนุนข้อมูลดังกล่าวค่ะ

นอกจากนี้ การกินชาเขียวของชาวญี่ปุ่น เป็นการชงใหม่ๆ กินร้อนๆ กินแบบความเข้มข้นสูง ซึ่งไม่เหมือนกับการกินชาเขียวในไทย ซึ่งเป็นชาเขียวพร้อมดื่ม ชงไว้นานหลายเดือน ชงแบบเจือจาง เติมน้ำตาลมากมาย แต่อาศัยการโฆษณา กล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง และทำการตลาด เพื่อสร้างยอดขาย ซึ่งถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ได้เป็นหญิงตั้งครรภ์ และเด็กๆ การกินชาเขียวพร้อมดื่มเหล่านี้บ้าง ก็คงไม่ก่อความเดือดร้อนอะไร แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์และเด็กๆ มันไม่ใช่ค่ะ

ต่อไปนี้ คือ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับหญิงตั้งครรภ์และเด็กๆที่กินชาเขียวพร้อมดื่มนะคะ

1.คาเฟอีน : เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และเด็ก
ในหญิงตั้งครรภ์พบว่า คาเฟอีนระดับสูงมีผลให้หัวใจของทารกในครรภ์เต้นเร็วผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงของทารกเสียชีวิตในครรภ์
ในเด็ก คาเฟอีนจะทำให้ตื่นเต้น ใจสั่น อาการซนมากผิดปกติ อยู่ไม่นิ่ง นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ กระสับกระส่าย (อาหารที่มีคาเฟอีนสูงที่ผู้ปกครองชอบเอาให้เด็กกินยังมีอีกค่ะ เช่น น้ำอัดลม โกโก้ ช็อคโกแลต แถมบางคนเอากาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังให้เด็กกินด้วย น่าเป็นห่วงมากค่ะ)

2.น้ำตาล : ในชาเขียวพร้อมดื่มมีน้ำตาลผสมอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำหนักตัวขึ้นมากเกินไปในหญิงตั้งครรภ์ ทำให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น เด็กๆที่กินน้ำตาลเยอะ จะติดนิสัยกินหวาน ฟันผุ เป็นโรคอ้วน ไม่กินข้าว ทำให้เด็กบางคนมีอาการอยู่ไม่นิ่ง ซนมากผิดปกติ น้ำตาลเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเป็นโทษต่อสุขภาพในระยะยาว หากกินมากเกินคำแนะนำ สำหรับเด็กคือไม่ให้น้ำตาลเกิน 4-6 ชช./วัน แต่ในชาเขียว 1 ขวดมี 13 ชช.

3.แทนนิน : ทำให้ท้องผูก ยับยั้งการดูดซึมสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น โปรตีน โฟลิค และธาตุเหล็ก ทำให้เด็กขาดสารอาหารเหล่านี้ได้ ถ้าขาดโปรตีนจะทำให้เจริญเติบโตช้า ถ้าขาดธาตุเหล็กและโฟลิค จะทำให้เป็นโรคเลือดจาง และยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นหากหญิงตั้งครรภ์กินแทนนินมากๆ อาจทำให้ขาดโฟลิค ซึ่งเป็นสารสำคัญต่อการเจริญพัฒนาของสมองและไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้าขาดโฟลิค จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดประสาทเปิด ทำให้สมองและไขสันหลังพิการ (Neural Tube Defect)

นอกจากนี้ คนที่คิดจะดื่มชาใดๆก็ตาม ควรมีความรู้ข้อพึงระวังคือ ไม่ควรดื่มชาขณะกินยา ไม่ว่ายาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ ไม่ควรดื่มชาก่อนนอนสำหรับผู้ที่นอนหลับยากหรือเป็นโรคนอนไม่หลับ ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัดเพราะความร้อนจะไปทำลายเนื้อเยื่อในช่องปากจนทำให้ เกิดอันตรายในช่องปาก ลำคอ ลำไส้ได้ และสุดท้ายคือ ไม่ควรดื่มชาที่ชงค้างคืนหรือชงไว้นานหลายชั่วโมง เพราะชาอาจบูด ซึ่งชาที่ชงทิ้งค้างไว้นานๆ พบว่ามีกรดแทนนิกสูง และสารต่างๆ ในน้ำชาอาจทำปฏิกิริยาจนกลายเป็นสารพิษได้ ถ้าถามว่า ชาพร้อมดื่มที่ชงอยู่ในขวดพลาสติกเก็บไว้นานหลายเดือน จะมีสารแทนนิกและสารต่างที่เป็นพิษต่อร่างกายหรือไม่ ป้าหมอไม่แน่ใจค่ะ ทางที่ดีเลี่ยงได้ ควรเลี่ยงดีกว่าค่ะ ดีที่สุดคือน้ำเปล่า กินน้ำเย็นก็ดับกระหายชื่นใจได้

ที่มาเฟสบุค...สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ วัน, วันที่ เดือน ปี ชม:นาที